life is short, the stories.

share our Idea & Stories.


2 Comments

Human

         วันก่อนดูรายการ “สะเก็ดข่าว” ทางช่อง 7 เกี่ยวกับช้างที่มาบุกรุกกินพืชพรรณในไร่ของชาวบ้าน ฝ่ายชาวบ้านก็หาทางป้องกันช้างไม่ให้เข้ามาเหมือนกัน มีตั้งแต่ขุดหลุม จุดประทัด แขวน CD ให้มันวับๆ จนช้างงงงวย (ทำอย่างกับช้างเป็นแมลงวัน) จนกระทั่งเอาไม้ตอกตะปูให้ปลายแหลมโผล่ออกมา (ดังรูป)

Untitled

กะว่าจะให้ช้างเหยียบแล้วเจ็บจะได้เข็ด แต่ภาพในโทรทัศน์โชว์ให้เห็นขนาดตะปูไม่รู้กี่หุนแล้ว ไม่น่าจะแค่ให้เข็ด หากถ้าเข้าจริงๆ คงเกิดแผลเจ็บปวดไม่ใช่น้อย (ดีไม่ดีเป็นบาดทะยักอีกต่างหาก)

          มนุษย์ก็ยังคงยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจริงๆ

การที่ช้างต้องลงมากินพืชไร่ของชาวบ้าน ก็เพราะพื้นที่ป่าอันเป็นบ้านของช้างเหลือน้อยลง อาหารก็ลดน้อยลง และที่มันลดน้อยลงก็เพราะชาวบ้านไปขยายพื้นที่ทำกินรุกพื้นที่ป่าเข้าใป

         น่าแปลกที่มนุษย์ซึ่งมีความรู้สึกเจ็บปวดไม่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ กลับไม่ได้สนใจต่อการกระทำของตนว่าจะไปสร้างความเจ็บปวดให้กับชีวิตอื่นหรือไม่ มนุษย์จะไม่รู้สึกจนกระทั่งไอ้แผ่นไม้ตีตะปูนั้นกลับมาตำตีนตัวเองหรือลูกหลานของตัว

          มนุษย์เกิดมาเมื่อประมาณ 200,000 ปีที่แล้ว (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย) จนปัจจุบันโลกเรามีจำนวนประชากรมนุษย์ราว 7,000 ล้านคน (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย (2)) และจะมีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีจำนวนทารกเกิดใหม่บนโลก 490,000 คนต่อวัน (ข้อมูลจาก wiki.answers.com) ขณะที่พื้นที่บนโลกมีจำนวนเท่าเดิม ซึ่งหมายความว่ามนุษย์จะต้องเบียดบังสิ่งมีชีวิตอื่นๆเพิ่มขึ้นเป็นอีกเท่าไร

        ผมเคยเขียนเอาไว้ว่า ความจริงแล้วมนุษย์ก็ไม่แตกต่างจากมดปลวกในสายตาของจักรวาล

แต่หากเรายังคนยืดถือ “ความเป็นมนุษย์เป็นใหญ่” อยู่อย่างนี้

ใหญ่จนมองไม่เห็นความสำคัญของสิ่งมีชีวิตอื่น

วันข้างหน้า โลก ก็อาจไม่มีเหลือให้ มดปลวกอย่างพวกเรา ได้อยู่อาศัย

วันข้างหน้าที่บอกนี้

อาจไม่ไกลอย่างที่เราเคยคิดก็ได้…

.

(ปล. เขียนทิ้งเอาไว้ยังไม่ได้โพสต์ฉะนั้นที่เขียนว่า “วันก่อนดูรายการ “สะเก็ดข่าว” ทางช่อง 7…” นับจากวันนี้จึงเป็น วันก่อน ที่นานมาพอสมควรแล้ว)

.


4 Comments

เธอที่อาจอยู่ในคืนที่ฝนตก

rain

ท้องฟ้าฉ่ำฝน

หลายคนต่างเปียกปอน

ฉันเปิดหน้าต่าง

มองดูเม็ดฝนที่ร่วงหล่น

.

ผู้คนเข้ามาหลบฝนอยู่ใต้ชายคา

ฉันมองไปยังคนเหล่านั้น

เผื่อใครคนหนึ่งจะเป็นเธอ

.

ฉันยังคิดอยู่ว่า

ถ้าหากฉันเจอเธอจริงๆ

ฉันจะกล้าเข้าไปทักเธอหรือเปล่า

ฉันอาจได้แค่

หาที่ยืนแอบมองเธออยู่เงียบๆ

.

หัวใจของฉันคงสั่นหวั่นไหว

นึกถามตัวเองอยู่ว่าจะทำอะไรต่อไป อย่างไร

ลังเล จนเธอไม่อยู่ที่ตรงนั้น

และได้แต่กลับมาโทษตัวเอง

:: 2543


4 Comments

ปล่อยวาง

มีใครบางคนที่ทำไม่ดีกับเรา

คนที่เคยรัก กลับทิ้งเราไป

แม่ค้าที่โกงกิโลเรา แถมยังพูดจาไม่ดีกับเราอีก

แท็กซี่ที่พาเราอ้อมโลก

คนที่ทำเรื่องแย่ๆ ทำให้เรารู้สึกแย่

คนแย่ๆที่อยู่ในโลกอันประกอบด้วยรัก โลภ โกรธ หลง ใบเดียวกับเรา

คนเหล่านั้นทิ้งเศษสวะไว้ในใจของเรา แม้ว่าเขาจะได้เดินจากไปแล้ว

ความไม่พอใจ โกรธ เกลียด ยังคงคุกรุ่นอยู่

ที่จริงแล้ว ความรู้สึกเหล่านี้ก่อตัวขึ้นภายในใจของเราเอง

เราที่คอยเติมเชื้อฟืนเข้าไปไม่ให้มันมอดลง

เราไม่ได้ปล่อยวางมันลง

เราไม่ได้ดับไฟที่เผาผลาญใจของเราด้วย “การให้อภัย”

น้ำทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่ง เข้ามาแล้วก็จากไป

ทิ้งคราบชื้นไว้ที่หาดทราย และบางสิ่งบางอย่างที่มันหอบเข้ามาด้วย

ก็เหมือนกับที่เรื่องห่วยๆ ทิ้งอะไรไว้ในความรู้สึกของเรา

แม้ว่าเหตุการณ์นั้นๆจะพัดผ่านไปแล้ว

หากแทนที่เราจะกอบเศษพวกนั้นขึ้นมาเก็บไว้

เราก็แค่โยนสวะที่มันพัดพามาทิ้งไป

ปล่อยมันไป…

แล้วใจเราก็จะเบาขึ้น

.


6 Comments

ฝน

ฝนตก

เสียงกบระงมหาคู่

เม็ดฝนกระทบหลังคาสังกะสี

พ่อยกถังน้ำสีแดง รองบริเวณรูรั่วของหลังคา

แม่หยิบผ้าขี้ริ้ว เช็ดคราบน้ำบนพื้นไม้

.

น้องสาววัย 3 เดือน นอนหลับพริ้มไม่แยแสต่อเสียงฝน

อากาศที่เคยร้อนระอุ กลับเย็นด้วยสายฝน

เม็ดต้อยติ่งแก่ที่ริมรั้วกำลังดีใจ

พ่อมองไปยังท้องนา

หวังว่าปีนี้คงจะไม่แล้ง

.

เด็กชายคนโต วัย 6 ขวบ

ช่วยแม่ยกถังน้ำสีแดง ออกไปเทนอกชาน

ในใจอยากออกไปเล่นน้ำฝนนอกบ้านมากกว่า

แม่กำลังนึกถึงกับข้าวมื้อเย็น

มองไปถังข้าวสาร

หากปีนี้น้ำดี คงได้ข้าวมากินมากกว่านี้

.

ฝนยังคงตกไม่หยุด

ตกจนดินเริ่มละลาย

เม็ดฝนถึ่จนมองไปยังภูเขาไม่ชัดเจน

.

ทารกในเปลผ้าขาวม้ายังคงหลับ

เด็กชายยังอยากไปเล่นน้ำฝน

แม่คุยกับพ่อเรื่องนาในปีนี้

ทุกนาทีที่ฝนตกหรือแม้ในยามแดดออก

ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงดำเนินไป

ดำเนินไป…ตามแรงหมุนของโลก

.


6 Comments

จากวังน้ำเขียวถึงเตาปูน

วันที่ 19 ธ.ค. 2554 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลานพยายามนำกำลังเช้ารื้อรีสอร์ทที่สร้างรุกล้ำเขตพื้นที่อุทยานฯ แต่โดนขัดขวางจากม็อบชาวบ้านไม่ให้เข้าไปดำเนินการ โดยอ้างว่ารีสอร์ทเหล่านี้เป็นแหล่งสร้างรายได้และความเจริญให้แก่ชุมชน คืนวันเดียวกันเจ้าหน้าที่จึงกลับมาอีกครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการขัดขวางจากชาวบ้านและทำการรื้อถอนรีสอร์ทเหล่านี้ตามคำสั่งของศาล ประเด็นที่น่าสนใจอีกกรณีก็คือ รีสอร์ทจำนวนมากมายและมีพื้นที่กว้างขนาดนี้ไม่ใช่กระสอบทรายที่พอข้ามคืนเช้ามาก็ก่อสร้างเสร็จ มันต้องมีการยื่นขออนุมัติ ต้องมีการปรับพื้นที่รวมทั้งการก่อสร้างถาวรวัตถุกันเป็นเดือนๆ ทางเจ้าหน้าที่จะไม่มีใครรู้เรื่องเลยเชียวหรือ

22 ธ.ค. 2554 เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แผนเดอะแคทอะเกน(ปิดประตูตีแมว)เข้าตะลุยบ่อนย่านเตาปูนซึ่งมีชื่อเสียงเก่าแก่แต่ยังไม่เคยทำอะไรได้สักที ส่วนหนึ่งที่น่าจะมามาจากอิทธิพลของเจ้าของบ่อนแล้ว ยังมีชาวบ้านในละแวกให้ความช่วยเหลือเป็นหูเป็นตาให้กับบ่อน และในวันที่ตำรวจบุกนั้น ชาวบ้านส่วนหนึ่งพยายามพังกำแพงด้านหลังบ่อนเพื่อช่วยนักพนันเหล่านั้นหนีรอดจากการจับกุม คาดว่าเจ้าของบ่อนคงได้บำรุงชาวบ้านในท้องถิ่นไม่ใช่น้อย อีกทั้งชาวบ้านส่วนหนึ่งก็เข้าไปทำงานในบ่อนอีกด้วย

ทั้งสองคดี เป็นเรื่องที่มีจุดร่วมเดียวกันคือ ชาวบ้านที่ได้ผลประโยชน์เป็นฝ่ายปกป้องผู้กระทำผิด

แทนที่จะเป็นผู้ที่ช่วยเหลือฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เพียงเพราะผลประโยชน์ที่ตัวเองได้รับ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียใดๆ

ไม่ได้คำนึงถึงป่าจำนวนเท่าไร ที่ควรจะเก็บไว้ให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์บ้าง

ไม่ได้คำนึงถึงว่าบ่อนจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์อบายมุข หรือยาเสพติด

คล้ายกับคนที่กำลังขุดหาแร่

ขณะที่กำลังขุดเพื่อหวังผลประโยชน์จากแร่ที่ก้นหลุม

ก็กำลังขุดเพื่อฝังตัวเองไว้ที่ก้นหลุมเช่นเดียวกัน

และก็คิดว่าคงไม่ใช่มีแค่ 2 หลุมที่ได้เขียนถึง

บนโลกนี้คงจะมีไม่รู้กี่พัน กี่หมื่นหลุม

และเพราะความเห็นแก่ตัว ความโลภ ความเขลา ก็ทำให้มนุษย์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาขุดหลุมฝังตัวเองอยู่ต่อไป

.

(ลงล่าช้าไปหน่อย เพราะว่าเขียนค้างเอาไว้แล้วก็ลืม พอเอามาเขียนต่อให้จบ ก็เลยช่วงเวลามาหลายเดือนแล้ว)


5 Comments

พุทธชยันตี

buddhajayanti

ลองค้นใน internet ได้ความว่า…

คำว่า “พุทธะ” แปลว่า “ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน” อันหมายถึง “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า”

ส่วนคำว่า “ชยันตี” บ้างก็แปลว่า  “การเฉลิมฉลองชัยชนะ” บางที่ก็แปลว่า “วันครบรอบ”

แต่จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ที่สุด www.dhammajak.net

“ชยันตี” แปลว่า “ชัยชนะ”

พุทธชยันตี จึงมีความหมายว่า “ชัยชนะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีต่อหมู่มารและกิเลสทั้งปวงอย่างสิ้นเชิง”

วันวิสาขบูชาในปีพุทธศักราช 2555 นี้ จะครบรอบ 2600 ปี นับจากวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

โดยนับจากวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ เมื่อพระชนมายุ 35 ปีจนถึงปรินิพพาน เป็นเวลา 45 ปี

และจากปีที่ปรินิพพานไปแล้ว 1 ปีนับเป็น พ.ศ. 1

ฉะนั้นปี 2555 + 45 ปี จึงเท่ากับ 2600 ปีพอดี

.

ที่จริงแล้วถึงเวลาครบรอบนี้ พระพุทธศาสนา ก็ได้เข้าสู่ช่วงหลังกึ่งพุทธกาลแล้ว

ก่อนที่จะถึง ยุคพระศรีอาริยเมตไตรย

ซึ่งหากใครสนใจเรื่องนี้ลองหาอ่านดูจาก internet หรือจากหนังสือ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ เรื่องคำทำนายของพระพุทธเจ้า ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังกึ่งพุทธกาล ก็ลองหาอ่านดูเพิ่มเติมแล้วกัน หากได้ลองอ่านแล้วจะรู้ว่า คำทำนายได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ

.

ในรายการ “พื้นที่ชีวิต” ซึ่งคุณ “นิ้วกลม” เป็นพิธีกร

ได้พูดว่า “ประเทศไทย มีพระพุทธ มีพระสงฆ์ แต่พระธรรม นี่ไม่ค่อยแน่ใจ”

ในสมัยก่อนคนเข้าวัดทำบุญ ก็จะอธิษฐานว่า ขอให้ได้เกิดในร่มโพธิ์ของพระพุทธศาสนาอีก หรือไม่ก็ขอให้ได้ไปนิพพาน แต่ในสมัยนี้ เราขอพรกันอย่างไรบ้าง ก็คงรู้ๆกันอยู่

จากหลักการที่สอนให้เรา “ลด ละ เลิก” กลับถูกผูกติดกับ “กระแสบริโภคนิยม”

ไม่ว่าการชี้ชวนให้ทำบุญ เรียงตู้บริจาคกันเป็นแถวยาว การสร้างโบสถ์ วิหาร ใหญ่โต หรูหรา หรือรูปเคารพใหญ่โต เพื่อดึงดูดผู้คน

น่าแปลกที่ที่ พระพุทธเจ้า เดินออกจากวัง เพื่อหาความเรียบง่ายจากธรรมชาติ

แต่เหล่าพุทธบุตรกลับสร้างวังขึ้นมาอีก

วังที่เรียกว่าวัด วังที่ขังอัตตาเอาไว้ข้างใน และกันความจริง(ธรรมชาติ)เอาไว้ข้างนอก

ผมดูข่าวแล้วก็รู้สึกน่าขัน – งานพุทธชันตีของบ้านเราจัดขึ้นใน hall ของห้างสรรพสินค้า

.

พระพุทธเจ้า สอนให้เราเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น จากกิเลส และจาก “ความไม่รู้ทั้งปวง”

หากระยะเวลาอันยาวนานของพุทธศาสนา

“ความไม่รู้จริง” ทำให้เรากลับไป “สะลึมสะลือ” อีกครั้ง

.