กระบวนการของพิธีแต่งงาน (revised & rerun)

April 17, 2010 by hud-tsu-ka 39 Comments

 

พิธีการแต่งงาน ประกอบด้วยกระบวนการดังนี้

1. ขอแต่งงาน – ฝ่ายชายคงรู้สึกตื่นเต้นแทบหัวใจสะดุ้งออกมาจากทรวงอก และฝ่ายสาวคงเขินอาย+แสนดีใจ บิดผ้าปูโต๊ะแทบเปื่อยคามือขยัน
2. ฝ่ายชายพาพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ของตนเองไปตกลงราคาสินสอดทองหมั้นกับพ่อแม่ฝ่ายหญิง
                                 สิบหมื่น สิบหมื่น สิบหมื่น แหมยิ้มระรื่นคงกลืนลงคอ…
                                 สิบหมื่น ผมเหลือทนไม่ขอดิ้นรนให้คนขายลูกกิน…
                  สิบหมื่น สมัยไอ้คล้าว กับ ทองกวาว ยังเหลือทน
                  สมัยนี้ สิบหมื่น คงเอาไม่อยู่

3. พิธีแต่งตอนเช้า – “โห่-หิ้ว-โห่ ใครมีมะกรูดมาแลกมะนาว ใครมีมะพร้าวมาคั้นกะทิ”

                         – ผ่านประตูเงิน ประตูทอง ฝ่ายชายหน้าตาแฉ่มชื่น แต่ในใจอาจคิดว่า “มึงกะเอารวยกันตรงประตูเงินประตูทองกันเลยหรือไง?”

                         – หากรวบงานหมั้นมาในวันเดียวกัน ว่าที่เจ้าบ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาวจะด้วยแหวนเพชรกี่กะรัต ให้แวววาวแยงลูกตาบอด หรือต้องหยีตาเพ่งดู+แว่นขยายก็แล้วแต่ตกลง

                         – กางสินสอดทองหมั้นโชว์บนพาน รดน้ำสังข์(ถ้ามีกิ๊กหรือศัตรูเก่าให้ระวังจะกลายเป็นน้ำกรด) ทำพิธีตามธรรมเนียมก็ว่ากันไป
4. งานเลี้ยงตอนเย็น จะเริ่มตอนเวลา standard ประมาณ 6 โมงเย็น
                                    

                          แขกที่มางานก่อนอื่นต้องแวะที่โต๊ะดักรับซองเป็นอันดับแรก

                          สำหรับซองจะใส่เท่าไรก็แล้วแต่ว่ากลัวเจ้าของงานเขาแกะซองแล้วติฉินนินทาหรือต่าลับหลังหรือเปล่า?
                          เซ็นต์ชื่ออวยพร(ทั้งที่ในใจอาจอยากเขียนสาปแช่ง-ในกรณีของกิ๊กเก่า)ลงในสมุด
                          จากนั้นรับของชำร่วย(หากชอบไม่ชอบอย่าพึ่งติต่อหน้าให้แอบมานินทาลับหลัง)

คู่บ่าวสาว พร้อมด้วยบิดามารดาของทั้งคู่มายืนต้อนรับถ่ายรูปหน้างาน

                                     (แขกบางคนบ่าว-สาว อาจงงว่า เอ…เราไปรู้จักเขาเมื่อไรเนี่ย?)

                                     ฉีกยิ้มกันให้เหงือกแห้ง โดนไฟสปอตไลท์หน้ามันแผล็บ กันไปข้าง  ก่อนให้แขกผ่านประตูซุ้มเข้าไปในงาน
5. แขกเข้าประจำโต๊ะ
6. เริ่มรับประทานได้
7. ได้เวลาฉาย slide ว่าคู่บ่าวสาวมีความเป็นมาอย่างไร
                     เริ่มด้วย…    รูปตอนสมัยฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง ยังเป็นเด็กน้อยขนยังไม่ขึ้น นมยังไม่แตกพาน ไล่มาจนสมัยเรียน ช่วงเวลาที่ได้เจอกัน
                     ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ประกอบเพลงรักติดหูหวานจ๋อยแบบมดยังเป็นเบาหวาน และร้อยละแปดสิบจะเป็นเพลงของคุณบอย โกสิยพงศ์

                     สุดท้ายรูปจะมาจบลงที่รูปที่ทั้งคู่ถ่ายจาก studio
                     ที่จ้างถ่ายตั้งแต่ก่อนทำการ์ด(ประกอบด้วยรูปตั้งหน้างาน อัลบั้มรูป วางหน้้างาน การ์ด และอาจรวมถึุงถ่ายในงานแต่งด้วย

                     จะมีแขกบางส่วนที่ดู และบางส่วนที่่ตั้งหน้าตั้งตากินแบบทำคะแนน
8. พิธีกรในงานขอให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวออกมาพูดขอบคุณ ที่ขาดไม่ได้คือคำถามว่า ทั้งคู่มาเจอกันได้อย่างไร รักกันมากี่ปี(และจะรักกันไปอีกกี่ปี)
                     รักอีกฝ่ายเพราะอะไร และอาจให้ฝ่ายชาย ฝ่ายหญิงหอมแก้มกันให้คนอื่นเห็นเป็นประจักษ์แก่สายตา บางครั้งด้วยความเมามันและคุ้นเคยกันมา

                     เจ้าบ่าวถึงกับเลยเถิดกลายเป็นไซร้ซอกคอกันไป เฮ้ยๆ… ยังไม่ถึงเวลา

                     ตบท้ายด้วยให้แขกที่มายืนขึ้น
                     ชูแก้ว ร้องไชโย…ไชโย…
9. ถ้าเป็นโต๊ะจีน จะจบด้วยขนมหวาน พอจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาแขกกลับได้แล้ว บ่าว-สาวจะได้เข้าสู่ขั้นตอนสำคัญ
10. ส่งเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นห้องนอน ให้พ่อแม่ หรือ คู่ญาติผู้ใหญ่ นอนเป็นพิธี (บนเตียงนอนต้องโรยด้วยกุหลาบด้วย) และให้โอวาทเล็กน้อย
11. ต่อจากนั้น ก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน…