life is short, the stories.

share our Idea & Stories.

โรงหนัง

3 Comments

สมัยก่อนแถวบ้านผมมีโรงหนังอยู่สองโรง

โรงหนึ่งใหญ่กว่าอีกโรงหนึ่ง

จำได้ว่าในสมัยเด็กผมเคยดูทั้งสองโรง

และถ้าเลยบ้านผมไปอีกหน่อยประมาณหนึ่งป้ายรถเมล์ก็จะมีอีกหนึ่งโรงใหม่กว่าอีกสองโรงที่ผมบอก

จำได้ว่าในช่วงวัยเด็กปลายๆ ก็มักจะมาดูที่โรงที่สร้างใหม่นี้มากกว่า

และก็จำได้ว่าราคาค่าตั๋วถูกสุด รู้สึกว่าจะแค่ 10 บาท ที่ราคาแพงก็คงจะไม่กี่บาท

     ปัจจุบันสองโรงแรกไม่ได้เหลือฉายหนังแล้ว

     ส่วนโรงที่ใหม่กว่า ไม่รู้เหมือนกันว่ายังคงฉายหนังอยู่หรือเปล่า แต่คิดว่าคงจะไม่ได้ฉายหนังแล้ว

โรงหนังที่ผมบอกว่าใหญ่กว่าอีกโรงหนึ่ง

เวลาผ่านไปค่อยๆเปลี่ยนเป็นโรงฉายหนังชั้นสอง

เปลี่ยนเป็นโรงฉายหนังโป๊ อยู่พักใหญ่ แต่คิดว่าตำรวจคงจะกวาดล้างโรงหนังโป๊ เลยกลับมาฉายหนังควบตามเดิม

ไม่กี่วันนี้ผมนั่งรถผ่านเห็นไม่มีป้ายบอกว่าฉายเรื่องอะไร คิดว่าคงปิดไปแล้ว

     โรงหนังที่เล็กกว่า ฉายหนังได้ยาวนานกว่า เป็นโรงหนังชั้นสอง

     จนเมื่อไม่นานมานี้ถึงเปลี่ยนไปเป็นที่เปิดบู๊ทขายของ

 

ช่วงที่ผมโตขึ้นในสมัยเรียนมัธยมฯ

ช่วงนั้นผมชอบดูหนังมาก ดูทุกอาทิตย์ เรียกว่าค่อนข้าง"เชี่ยวชาญ" เพราะว่านอกจากดูเยอะแล้วยังรับหนังสือเกี่ยวกับหนังอีกด้วย

เวลาดูทีก็ต้องเข้ามาดูแถวทองหล่อ ซึ่งไกลจากบ้านมากเหมือนกัน (นั่งรถประมาณหนึ่ง ช.ม. ถึงหนึ่ง ช.ม.ครึ่ง)

เพราะที่โรงนี้เขาฉายหนัง Hollywood และเป็นโรง sound track

ผมชอบฟัง sound track

ตอนนี้ก็ปิดกิจการไปแล้ว

 

ปริมาณการดูหนังของผม มาแผ่วไปอย่างมาก ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย

หนังสือเกี่ยวกับหนังก็ไม่ได้รับมานานแล้ว

(แถมราคาค่าตั๋วก็เริ่มแพงมากขึ้นแล้ว-มัลติเพลกซ์เริ่มมาแล้ว)

 

ทุกวันนี้ผมก็ยังชอบดูหนัง แต่ก็ดูน้อยลง

ด้วยราคาที่แพงขึ้น กับการที่ผมเลือกดูมากขึ้น

 

โรงหนังแบบเก่า(ที่ไม่ใช่ระบบ Major-EGV -Multiplex) เริ่มลดน้อยถอยลงทุกที

ที่พอจะยังยืนหยัดฉายหนังปกติอยู่ (ที่ไม่ใช่โรงหนังชั้นสอง หรือว่าโรงฉายหนังโป๊)

ก็เห็นจะมีโรงหนังสยาม กับสกาลา

สำหรับโรงหนังลิโด้ หลังจากเกิดไฟไหม้ ก็เปลี่ยนเป็นโรงมัลติเพลกซ์น้อยๆมานานแล้ว

โรงหนังสยาม ผมไม่ค่อยได้ไปดูบ่อยนัก

จะดูโรงลิโด้บ่อยหน่อย เพราะผมชอบดูหนังอินดี้

และที่ลิโด้ส่วนใหญ่จะฉายหนังอินดี้

อีกโรงที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือโรงสกาลา ที่เข้าขั้น classic ไปแล้ว

ถ้าไม่ขี้เกียจออกจากบ้านเกินไปนัก

ผมก็ชอบที่ออกไปดูที่โรงสกาลา จอใหญ่บรรยากาศดี

 

หลังๆเริ่มเบื่อกับโรง multiplex ที่รอบฉายไม่แน่นอนเลย

เปลี่ยนแม่งทุกวัน (ขอโทษ…พูดคำหยาบ)

แล้วยังมีไอ้ที่นั่งห่..อะไรก็ไม่รู้ที่ละสาม-สีร้อย

มันวิเศษตรงไหนนี่

(ยกเว้นโรงดิจิตอลนะ ผมเคยไปดู 150 บาท ชัดอย่างรู้สึกได้ ที่โรง SF มาบุญครอง แต่คิดว่าน่าจะมีโรงดิจิตอลนี้ทุกสาขานะ)

 

ผมมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของโรงหนังแถวบ้านกับในหลายๆที่แล้ว

รู้สึกว่าทุกวันนี้เราอยู่ในสภาวะที่ล้อมกรอบด้วยการกำหนดจากพวกนายทุน

เป็น unique ขาดความหลากหลาย

และเป็นเพียงผู้ว่ายวนอยู่แต่ในกระแสหลัก

 

บางทีมันอาจเชี่ยวกรากเกินไปสำหรับปลาตัวน้อยๆที่อ่อนแอ

Author: hud-tsu-ka

I'm not a nice guy but I wanna be a good guy.

3 thoughts on “โรงหนัง

  1. ทุนนิยม ทุนนิยม ทุนนิยม
    ท่อง3พยางค์นี้ให้มั่น จิตใจจะได้ไม่หวั่นไหว
    เพราะแค่นั่งเรียนในห้องเรียน คำสั้นๆคำนี้ก็กระทุ้งให้จิตใจผมสั่นไหวทุกที
    มิพักต้องเอ่ยถึงโรงภาพยนตร์ที่นายทุนแทบจะเดินชนกันตายเลย

  2. แผ่นนิยม  แผ่นนิยม  แผ่นนิยม
    ท่อง ๓ คำ (เก้าพยางค์) นี้ให้มั่น  จิตจะได้ไม่หวั่ไหว
    เพราะแค่ตะลอน ๆ ไปมา  คำสั้น ๆ นี้ก็กระทุ้งให้จิตใจเราสั่นไหวทุกที
    มิพักต้องเอ่ยถึงโรงพยายนตร์ทีนายทุนแทบจะเดินเอาหัว(ล้าน)โขกกันจนปูดโน
    –ช่วงชีพจรลงเท้า —
    กลับมาถึงห้องและพอเจียดเวลาดูหนังแผ่น(เถื่อน)ได้  ก็บุญมากแล้ว
    (",)
     
    ปล.
    เรือง atonement  สนุกมาก 
    ใครไม่ดูถือว่าพลาดสิ่งดีๆ (สิ่งนึง)ในชีวิตไปเลย (อะไรจะขนาดนั้น!? — แต่จริงนะ โดยเฉพาะภาพ  ถ่ายได้สวยโคตร)

  3. ในชีวิตอยากลองดูหนังในโรง ที่ฉายหนังควบซักครั้ง
     
     
     

Leave a reply to Piyapong Cancel reply